Back to Schedule
Donate

    บทคัดย่อจากข้อเขียนของปรมหังสา โยคานันทะ

    “ถ้าท่านปรับจิตคิดถึงพระเจ้า ตอกตะปูมายาด้วยค้อนการคิดถึงความจริงอย่างถูกต้อง ท่านสามารถพิชิตมายาได้

    “ทำลายความคิดว่าตายได้ ด้วยความคิดแห่งอมตะ”

    flower

    ข้อความตัวเน้นในรวบรวมบทสนทนาและข้อเขียนของท่านปรมหังสาจีนี้ คือคำย้ำเตือนและการรับรู้ของวิญญาณ— “ความคิดอมตะ”—ที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อการรับรู้ที่เพิ่มมากขึ้นต่อความเป็นนิรันดร์ ความปีติอันแท้จริงภายในตัวเราและแผ่กระจายในสิ่งสร้างทั้งปวง

    ทั้งวันทั้งคืน กล่าวคำย้ำเตือนถึงสิ่งที่ท่านเป็นจริงๆ

    กล่าวย้ำสัจจะนี้กับตนเองตลอดเวลา:

    ข้าพเจ้าไร้การเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้าคือความไพศาล ข้าพเจ้าไม่ใช่ปุถุชนตัวเล็กๆ ที่กระดูกแตกหักได้ ร่างกายจะสลายตายไป ข้าพเจ้าคือความไพศาลไร้ความตาย ไร้การเปลี่ยนแปลง

    flower

    ถ้าเจ้าชายเมามายเข้าไปในสลัม ลึมอัตลักษณ์แท้จริงของตน พร่ำบ่นว่า “เราคือยาจก ” สหายของพระองค์จะหัวเราะพูดว่า “ตื่นเสียทีสิ และจำไว้ว่าพระองค์เป็นเจ้าชาย” ยามตกในภาวะจิตหลอนท่านก็เป็นเช่นนั้น คิดว่าท่านเป็นปุถุชนช่วยตนเองไม่ได้ ดิ้นรนอยู่ในความทุกข์ทรมาน ทุกๆ วันท่านควรนั่งเงียบๆ และกล่าวคำย้ำเตือนอย่างมุ่งมั่น:

    ข้าพเจ้าไม่เกิด ไม่ตาย ไร้วรรณะ ข้าพเจ้าไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ข้าแต่บรมวิญญาณอันอุดมพร ข้าพเจ้าคือพระองค์ ข้าพเจ้าคือความสุขไพศาล

    ถ้าท่านคิดอย่างนี้ซ้ำๆ ทั้งวันทั้งคืน ท่านจะหยั่งรู้สิ่งที่ท่านเป็นจริงๆ: นั่นคือวิญญาณอมตะ

    สลัดความคิดคับแคบทั้งหลายที่ปิดบังอาตมันแท้จริงของท่านออกไปเสีย

    แปลกมั้ย ที่ท่านไม่รู้ว่าท่านคือใคร? ท่านไม่รู้อาตมันของท่านเอง? ท่านนิยามตนเองด้วยยศตำแหน่งต่างๆ นานาให้แก่ร่างกายและบทบาทของปุถุชน...ท่านต้องสลัดยศตำแหน่งเหล่านี้ออกจากวิญญาณ

    ข้าพเจ้าคิด แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่ความคิด ข้าพเจ้ารู้สึก แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่ความรู้สึก ข้าพเจ้ามีเจตจำนง แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่เจตจำนง

    แล้วเหลืออะไร? ท่านที่คิดว่าท่านดำรงอยู่ ท่านที่รู้สึกว่าท่านมีชีวิต—ปัญญาญาณพิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วว่า การรู้ไร้เงื่อนไขของวิญญาณนั้นอยู่ด้วยตัวของตนเอง

    flower

    ตลอดทั้งวันท่านทำงานผ่านร่างกาย ท่านจึงยึดโยงกับร่างกาย แต่ทุกคืนพระเจ้าทรงโยกย้ายมายาที่กักขังท่าน เมื่อคืนก่อนตอนหลับลึกไร้ความฝัน ท่านเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นชาวอเมริกันหรือฮินดู รวยหรือจน? ไม่เลย ท่านคือวิญญาณบริสุทธิ์...ในอิสรภาพกึ่งอภิจิตสำนึกแห่งยามหลับลึก พระเจ้าทรงฉวยยศตำแหน่งมนุษย์ของท่านออกไป ทำให้ท่านรู้สึกว่าท่านแยกจากกายและข้อจำกัดทั้งปวง—จิตสำนึกบริสุทธิ์ พักอยู่ในห้วงอวกาศอันไพศาล และความไพศาลนั้นคืออาตมันแท้จริงของท่าน

    flower

    เมื่อท่านตื่นนอนทุกเช้า เตือนตนเองด้วยสัจจะนี้:

    ข้าพเจ้าเพิ่งมาจากการรับรู้อาตมันภายในตน ข้าพเจ้าไม่ใช่ร่างกาย ข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ข้าพเจ้าคือความสุข ข้าพเจ้าคือแสง ข้าพเจ้าคือปัญญา ข้าพเจ้าคือความรัก ข้าพเจ้าอยู่ในกายฝันซึ่งข้าพเจ้าฝันอยู่ในโลกนี้ แต่ข้าพเจ้าคือบรมวิญญาณนิรันดร์

    จงรู้ว่าท่านไม่อาจแยกจากพระเจ้าได้

    ปัญญาสูงสุดคือการตระหนักรู้ตน—รู้อาตมัน รู้วิญญาณที่ไม่อาจแยกจากพระเจ้านิรันดร์...เอกองค์ผู้ทรงเป็นแก่นแกนของทุกชีวิต “โอ อรชุน! เราคืออาตมันในใจของสรรพสัตว์: เราเป็นแดนเกิด เป็นการดำรง และการสิ้นสลายของพวกเขา” (ภควัทคีตา: พระเจ้าสนทนากับอรชุน 10:20)

    flower

    ปรมาจารย์ทั้งหลายประกาศว่า ในกายนี้มีวิญญาณอมตะ ประกายของสิ่งนั้นซึ่งหล่อเลี้ยงสิ่งทั้งปวง ผู้รู้วิญญาณตนรู้ความจริง:

    ข้าพเจ้าพ้นจากสิ่งที่จำกัด...ข้าพเจ้าคือดวงดาว ข้าพเจ้าคือคลื่น ข้าพเจ้าคือชีวิตของสรรพชีวิต ข้าพเจ้าคือเสียงหัวเราะในใจทุกดวง ข้าพเจ้าคือรอยยิ้มบนใบหน้าของดอกไม้และทุกวิญญาณ ข้าพเจ้าคือปัญญาและอำนาจที่หล่อเลี้ยงสิ่งสร้างทั้งปวง

    คิด กล่าวคำย้ำเตือน และตระหนักรู้ทิพยธรรมชาติของตน

    ขจัดความคิดผิดๆ กาลนาน—ที่คิดว่าเราเป็นมนุษย์ผู้ล้มเหลว เราต้องคิด ปฏิบัติสมาธิ กล่าวคำย้ำเตือน มีความเชื่อ และตระหนักรู้ทุกวันว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า

    flower

    ท่านอาจพูดว่า “นั่นเป็นเพียงความคิด” แล้วความคิดคืออะไรล่ะ ทุกสิ่งที่ท่านเห็นเป็นผลจากความคิด...ความคิดที่มองไม่เห็นทำให้ทุกสิ่งเป็นจริง ฉะนั้นถ้าท่านควบคุมกระบวนการคิดได้ ท่านสามารถทำให้ทุกสิ่งกลายให้เห็นได้ ท่านสามารถเนรมิตด้วยอำนาจการจดจ่อจิตของท่าน....

    จงฝึกควบคุมความคิดและนำจิตสู่ภายใน ด้วยวิธีปฏิบัติสมาธิศาสตร์ที่คุรุมอบให้ วิญญาณของท่านจะค่อยๆ พัฒนา แล้วการทำสมาธิของท่านจะลึกล้ำขึ้น อาตมันภายในที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าในตัวท่าน จะกลายเป็นจริงต่อท่าน

    flower

    เลิกนึกถึงความคิดที่ท่านอยากกำจัด ทว่าทดแทนด้วยการคิดสร้างสรรค์ นี่คือกุญแจสู่สวรรค์ในมือท่าน....

    เราเป็นตามที่เราคิด...เปลี่ยนจิตสำนึกจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนไปเป็นชีวิตจากพระเจ้า

    flower

    ข้าพเจ้าคือความไพศาล ข้าพเจ้าไร้เทศะ ข้าพเจ้าไร้กาละ ข้าพเจ้าพ้นจากร่างกาย ความคิด และถ้อยคำ พ้นจากสสารและจิต ข้าพเจ้าคือปีตินิรันดร์

    ประทับทิพยสัจจะไว้ในจิตเสมอ

    หลีกเลี่ยงอย่าให้จิตนึกถึงข้อจำกัดของมนุษย์: ความเจ็บป่วย ความแก่และความตาย แต่จงประทับความจริงนี้ไว้ในจิตอยู่เสมอ:

    ข้าพเจ้าคือความไพศาลที่กลายมาเป็นร่างกาย ร่างกายอันเป็นที่สำแดงของบรมวิญญาณบริบูรณ์นิรันดร์ บรมวิญญาณอันทรงความเยาว์วัยนิรันดร์

    flower

    อย่ายอมให้ความคิดว่าอ่อนแอและความแก่เฒ่ามาจำกัดตัวท่าน ใครบอกว่าท่านแก่? ท่านไม่ได้แก่ ท่านคือวิญญาณหนุ่มสาวนิรันดร์ ประทับความคิดนี้ไว้ในจิตสำนึกของท่าน:

    ข้าพเจ้าคือวิญญาณ ภาพสะท้อนของบรมวิญญาณผู้ทรงความเยาว์วัย ข้าพเจ้าสดใสด้วยวัยหนุ่มสาว ด้วยความใฝ่ฝัน ด้วยอำนาจแห่งความสำเร็จ

    flower

    ปรับตัวท่านเข้ากับอำนาจจักรวาล ไม่ว่าท่านทำงานอยู่ในโรงงาน หรือคลุกคลีอยู่กับโลกธุรกิจ จงย้ำเตือนเสมอว่า:

    อำนาจสร้างสรรค์อันไพศาลอยู่ในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ไปสู่หลุมศพโดยไม่สร้างความสำเร็จอะไรไว้บ้าง ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์เทพ เป็นสิ่งสร้างที่มีเหตุผล ข้าพเจ้าคืออำนาจแห่งบรมวิญญาณ ต้นธารพลวัตแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสร้างสรรค์ในโลกธุรกิจ ในโลกความคิด ในโลกแห่งปัญญา ข้าพเจ้ากับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้าสามารถสร้างทุกสิ่งได้ตามปรารถนาดุจเดียวกับพระบิดาผู้ทรงรังสรรค์

    flower

    บทเรียนเอสอาร์เอฟสอนวิธีที่ท่านจะติดต่อกับชีวิตจักรวาลได้...อันเป็นมหาสมุทรพลังจักรวาลแห่งพระเจ้า วิธีประเสริฐสุดคือการดึงพลังจากแหล่งภายในโดยตรง ไม่ใช่ผ่านเครื่องกระตุ้นของเทียม เช่น ยา อารมณ์ ฯลฯ แล้วท่านจะสามารถพูดได้ว่า:

    ใต้เนื้อหนังนี้คือมหากระแสที่ข้าพเจ้าลืมเลือน แต่ตอนนี้ เมื่อใช้ชะแลงการหยั่งรู้ตนขุดลงไป ข้าพเจ้าได้พบพลังชีวิตอีกครั้ง...ข้าพเจ้าไม่ใช่เนื้อหนัง ข้าพเจ้าคือทิพยประจุที่แทรกซ่านอยู่ทั่วร่างกายนี้

    การทดลองไม่อาจทำลายวิญญาณของท่านได้

    จงรู้ว่าท่านเป็นอมตะ—ที่บทเรียนทางโลกทำอะไรท่านไม่ได้ แต่ท่านต้องฝึกฝนและสำแดงอมตภาวะด้วยการยิ้มและกล่าวว่า:

    ข้าพเจ้าเป็นอมตะ ถูกส่งมาสู่โรงเรียนในโลกเพื่อเรียนรู้และได้อมตภาวะกลับคืน แม้ถูกท้าทายด้วยไฟชำระในโลก ข้าพเจ้าซึ่งเป็นวิญญาณไม่อาจถูกทำลาย ไฟไม่อาจเผา น้ำไม่อาจทำให้ข้าพเจ้าเปียก ลมไม่อาจทำให้ข้าพเจ้าเหี่ยว อะตอมไม่อาจสลายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคืออมตสุบินบทเรียนอมตภาพ—ไม่อาจถูกทำลาย ได้แต่เป็นดั่งบทละคร

    flower

    ท่านแสดงหลายบทบาทในหลายชาติกำเนิด แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้ท่านเพลิดเพลิน—ไม่ใช่ทำให้กลัว วิญญาณอมตะของท่านไม่กระทบกระเทือน ในภาพยนตร์ชีวิตท่านอาจร้องไห้ อาจหัวเราะ อาจแสดงหลายบทบาท แต่ภายในนั้นท่านต้องพูดอยู่เสมอว่า “ข้าพเจ้าคือบรมวิญญาณ” ความประโลมใจยิ่งใหญ่ได้จากการหยั่งรู้ปัญญานี้

    flower

    ข้าพเจ้าเป็นลูกผู้ได้รับพรแห่งอมตะอันแสนหวาน ถูกส่งมาที่นี่เพื่อแสดงละครการเกิดและการตาย แต่ระลึกเสมอว่าข้าพเจ้าคืออาตมันอันไร้การตาย”

    มหาสมุทรแห่งบรมวิญญาณกลายมาเป็นริ้วคลื่นน้อยๆ แห่งวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือคลื่นชีวิตนี้–เป็นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทรจิตจักรวาล ข้าพเจ้าไม่มีวันตาย ไม่ว่าจะผุดเกิดหรือจมหายในความตาย ข้าพเจ้าเป็นจิตสำนึกที่ไม่อาจถูกทำลาย ได้รับการปกป้องในอ้อมอกอมตะแห่งบรมวิญญาณ

    อย่ากลัวสิ่งใด เพราะท่านเป็นลูกของพระเจ้า

    เมื่อท่านหลับตาในการทำสมาธิ ท่านจะเห็นจิตสำนึกอันไพศาลของท่านเอง—เห็นว่าท่านอยู่ท่ามกลางนิรันดร์กาล จดจ่อจิตอยู่ตรงนั้น ให้เวลาสักเล็กน้อยตอนเช้าและตอนค่ำ แล้วหลับตา กล่าวว่า:

    ข้าพเจ้าคือความไพศาล ข้าพเจ้าเป็นลูกของพระเจ้า คลื่นคือน้ำที่ม้วนตัวขึ้นในมหาสมุทร จิตสำนึกของข้าพเจ้าคือจิตที่ม้วนตัวในมหาจิตจักรวาล ข้าพเจ้าไม่กลัวสิ่งใด ข้าพเจ้าคือบรมวิญญาณ

    flower

    จงยึดอยู่กับจิตจักรวาลแห่งพระเจ้าที่ปรากฏทุกหนแห่งไว้เสมอ ตั้งจิตให้สงบ กล่าวว่า:

    ข้าพเจ้าไร้ความกลัว ข้าพเจ้าถูกสร้างจากธาตุทิพย์แห่งพระเจ้า ข้าพเจ้าคือประกายไฟแห่งบรมวิญญาณ ข้าพเจ้าคืออะตอมของเปลวจักรวาล ข้าพเจ้าคือเซลล์มหากายจักรวาลแห่งพระบิดา ‘ข้าพเจ้ากับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน’”

    flower

    ไร้ความกลัวในจิตสำนึก:

    ในชีวิตและความตายข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร์กาล

    ทุกวันจิตสำนึกนี้จะฝังอยู่ในตัวท่านเมื่อท่านทำวิธีปฏิบัติต่างๆ เมื่อท่านเข้าถึงความสงบลึกซึ้งในการทำสมาธิ ท่านจะพ้นจากพันธะร่างกาย แล้วความตายจะมีความหมายอะไร? กลัวไปทำไม? อะไรก็ไม่มีอำนาจทำให้ท่านกลัวได้ นั่นคือภาวะที่ท่านแสวงหา จดจ่อจิตไปที่โอม รวมเข้ากับโอมในสมาธิลึกล้ำ ตระหนักรู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในพลังสั่นสะเทือนจักรวาลนั้น แล้วท่านจะ “มาถึงพระบิดา”—จิตประเสริฐไพศาลแห่งพระองค์ผู้ทรงความสูงสุด แล้วกล่าวว่า:

    ข้าพเจ้ากับพระเจ้าผู้ทรงบรมปีติเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้ามีทุกสิ่งในจักรวาลนี้ ความตาย โรคร้าย ภัยพิบัติ เพลิงไฟ ไม่มีสิ่งใดจะพรากความปีตินั้นไปได้!”

    ท่านคือบรมวิญญาณ: จงย้ำเตือนคุณลักษณะแห่งบรมวิญญาณนั้น

    พยายามจดจำไว้และจดจ่อจิตไว้ที่ความงดงามกับคุณลักษณะเชิงบวกของชีวิตท่าน และอย่าไปตอกย้ำสิ่งที่บกพร่อง

    flower

    โยคีผู้มุ่งก้าวหน้าพึงดำรงจิตเมื่อยามโกรธว่า “นั่นไม่ใช่เรา!” เมื่อตัวตนของเขาถูกตัณหาราคะเข้าครอบงำ เขาจะเตือนตนว่า “นั่นไม่ใช่เรา!” เมื่อความโกรธพยายามบดบังธรรมชาติแท้จริงของเขาภายใต้หน้ากากอารมณ์โสมม เขาจะหลีกหนีจากมัน “นั่นไม่ใช่เรา!” เขาฝึกปิดประตูจิตไม่ต้อนรับอาคันตุกะที่ไม่พึงปรารถนาผู้จะมาอาศัยอยู่ด้วย และเมื่อเขาถูกผู้อื่นหลอกใช้หรือกระทำการข่มเหง กระนั้นเขายังรู้สึกได้ถึงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักและการให้อภัย เขาสามารถกล่าวคำย้ำเตือนได้อย่างมั่นใจว่า “นั่นคือเรา! นั่นคือธรรมชาติแท้จริงของเรา”

    โยคสมาธิเป็นกระบวนการปลูกฝังการรู้ธรรมชาติของตนไว้ให้หนักแน่น ด้วยวิธีพิเศษทางกาย จิต และวิญญาณ รวมทั้งกฎที่ทำให้อหังการอันคับแคบ มรดกทางจิตสำนึกที่มนุษย์ได้รับมาอย่างผิดๆ ถูกแทนที่ด้วยจิตสำนึกแห่งวิญญาณ

    flower

    ท่านที่รัก อย่าให้ใครเรียกท่านว่าคนบาป ท่านเป็นลูกของพระเจ้า เพราะพระองค์สร้างท่านตามฉายาของพระองค์...บอกตัวท่านเองว่า:

    ต่อให้บาปของข้าพเจ้าลึกราวมหาสมุทรหรือสูงถึงดวงดาว ข้าพเจ้าก็ยังไม่ถูกพิชิต เพราะข้าพเจ้าคือบรมวิญญาณ

    ท่านคือแสง ท่านคือความปีติ

    ความมืดอาจอยู่ในถ้ำมานับพันๆ ปี แต่เมื่อนำแสงเข้าไป ความมืดจะหมดไปเหมือนไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน ทำนองเดียวกัน ไม่ว่าท่านจะบกพร่องอย่างไร ความบกพร่องนั้นไม่เป็นของท่านอีกต่อไปเมื่อท่านนำแสงแห่งความดีเข้ามา แสงแห่งวิญญาณนั้นเกรียงไกรอย่างที่ความชั่วร้ายกี่ภพชาติไม่อาจทำลายได้ แต่ความมืดมิดมลทินความชั่วที่ท่านสร้างชั่วคราวทำให้วิญญาณทุกข์ทรมาน เพราะท่านต้องทนทุกข์อยู่ในความมืด ท่านสามารถขับไล่มันได้ด้วยการเปิดตาธรรมของท่านในการทำสมาธิลึกล้ำ เติมเต็มจิตสำนึกของท่านด้วยแสงทิพย์แห่งสวรรค์อันเจิดจ้า

    ไม่มีใครช่วยท่านให้รอดพ้นได้ ท่านคือพระผู้ไถ่ของตนเองเมื่อท่านตระหนักรู้:

    ข้าพเจ้าคือแสงนั้นเอง ความมืดไม่มีความหมายต่อข้าพเจ้า มันไม่สามารถบดบังแสงแห่งวิญญาณของข้าพเจ้าได้

    flower

    ลืมฝันร้ายถึงข้อจำกัดในปัจจุบัน ก่อนนอนตอนค่ำหรือตื่นตอนเช้ากล่าวคำย้ำเตือน:

    ข้าพเจ้าเป็นลูกของพระเจ้า เช่นเดียวกับพระเยซูและมหาอาจารย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าจะไม่หลบซ่อนจากพระเจ้าอยู่หลังม่านแห่งความโง่เขลา ข้าพเจ้าจะเปล่งประกายปัญญา เพื่อรับแสงบริบูรณ์แห่งพระองค์ด้วยวิญญาณที่ผ่องใสขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรับแสงแห่งพระองค์อย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าจะรู้ว่าตนนั้นเป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าเป็นอยู่ตลอดมา สร้างขึ้นตามฉายาของพระองค์

    flower

    ข้าพเจ้าเป็นลูกของพระเจ้าตลอดมา ข้าพเจ้ามีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าการทดลองที่ข้าพเจ้าเผชิญทั้งปวง สิ่งที่ข้าพเจ้าเคยทำผิดในอดีต ตอนนี้ข้าพเจ้าสามารถลบล้างได้โดยกระทำความดีและในการทำสมาธิ ข้าพเจ้าจะทำลายมัน ข้าพเจ้าเป็นอมตะนิรันดร์

    flower

    ทำสมาธิทุกคืนจนท่านสามารถขจัดความคิดเกี่ยวกับทางโลกและความปรารถนาทั้งปวง...ถอยออกมาจากความคิดและอารมณ์ที่วุ่นวายทั้งหมด นั่งในวิหารวิญญาณของท่าน ที่ซึ่งความปีติไพศาลแห่งพระเจ้าครอบคลุมทั้งโลก แล้วท่านจะตระหนักรู้ว่าไม่มีสิ่งใดนอกจากสิ่งนั้น แล้วท่านกล่าวได้ว่า:

    ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับแสงนิรันดร์แห่งพระเจ้า ความปีตินิรันดร์แห่งพระคริสต์ คลื่นการรังสรรค์พลิ้วไหวอยู่ในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสลายคลื่นกายในมหาสมุทรแห่งบรมวิญญาณ ข้าพเจ้าคือมหาสมุทรแห่งบรมวิญญาณ ข้าพเจ้าไม่เป็นร่างกายอีกต่อไป วิญญาณของข้าพเจ้าหลับอยู่ในก้อนศิลา ข้าพเจ้าฝันในดอกไม้ ข้าพเจ้าขับขานอยู่ในนก ข้าพเจ้าคิดอยู่ในมนุษย์ และในอภิมนุษย์ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าเป็นผู้นั้น

    ในภาวะนี้ท่านตระหนักรู้ว่าไฟไม่อาจทำลายท่าน แผ่นดิน ใบหญ้า และท้องฟ้า ล้วนเป็นญาติสายเลือดเดียวกับท่าน แล้วท่านจะเดินบนโลกนี้ราวกับวิญญาณ ไม่กลัวคลื่นปั่นป่วนในสิ่งสร้าง

    ท่านคือความรัก

    พระบิดาบนสวรรค์ของข้าพเจ้าคือความรัก ข้าพเจ้าถูกสร้างตามฉายาของพระองค์ ข้าพเจ้าคือลูกทรงกลมแห่งความรักที่ ดวงดาว ดาวเคราะห์ สรรพชีวิต สรรพสิ่งสร้างเปล่งประกาย ข้าพเจ้าคือความรักที่แทรกซ่านทั่วจักรวาล

    flower

    เมื่อท่านได้สัมผัสรักแห่งพระเจ้า ท่านจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่างดอกไม้กับสัตว์ร้าย ระหว่างมนุษย์คนหนึ่งกับอีกคน ท่านจะเข้าถึงได้กับธรรมชาติทั้งหลาย และท่านจะรักมนุษยชาติได้อย่างเท่าเทียม เห็นเพียงชาติพันธุ์เดียว—บุตรของพระเจ้า พี่น้องของท่านในพระองค์—และท่านจะบอกกับตนเองว่า:

    พระเจ้าคือพระบิดาของเรา ข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวมนุษย์สุดไพศาลแห่งพระองค์ ข้าพเจ้ารักเขาเหล่านั้น เพราะเขาทุกคนเป็นพี่น้องของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารักพี่อาทิตย์ น้องดวงจันทร์ และสรรพสิ่งทั้งปวงที่พระบิดาทรงสร้างและชีวิตของพระองค์หลั่งไหลอยู่ในเขาเหล่านั้น


    flower

    ข้าพเจ้ายินดีต้อนรับทุกสีผิว—ผิวสีมะกอก ผิวขาว ดำ เหลือง และแดง—กลับสู่บ้านในอ้อมอกของข้าพเจ้า มาอยู่ด้วยกันในฐานะพี่น้อง เกิดจากดินของพ่อแม่เดียวกัน อดัมกับอีฟ และวิญญาณเกิดจากพระบิดาผู้เป็นเจ้า

    ข้าพเจ้าโอบรับดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ ในฐานะญาติร่วมสายโลหิต—ชีวิตที่หลั่งไหลในสายเลือดของสรรพชีวิต ข้าพเจ้าโอบกอดสัตว์ทั้งหลาย ต้นไม้พืชพรรณ อะตอมที่รัก และพลังงาน ไว้ในวิหารชีวิตของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าคือความรัก ข้าพเจ้าคือชีวิต

    “เจ้าคือสิ่งนั้น”

    ฌาน หรือความรู้แท้ คือการที่วิญญาณตระหนักรู้ “อหัง พราห์มาสมิ (เราคือพระพรหม)” หรือ “ตัต ตวัม อสิ (เจ้าคือสิ่งนั้น)” และเมื่อบุคคลนั่งหลังตรงอยู่ในท่านั่งสมาธิ ผันกระแสปราณสู่กุฏัสถะ (ระหว่างคิ้ว) นั่นคือตบะแท้ การดำเนินธรรมเคร่งครัด หรือการปฏิบัติที่ควบคุมทิพยอำนาจในตน

    flower

    เมื่อท่านพ้นจากจิตสำนึกของโลกนี้ รู้ว่าท่านไม่ใช่ร่างกายหรือจิต และรู้อย่างไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตท่าน—คือทิพยจิต ท่านคือสิ่งนั้นซึ่งเป็นรากฐานของทุกสิ่งในจักรวาล

    flower

    สลายกรอบอันจำกัด ที่แยกวิญญาณของท่านจากบรมวิญญาณ

    “ข้าพเจ้าคือมหาสมุทรรึ? มันเล็กน้อยเกินไป

    หยาดน้ำค้างฝันบนใบสีฟ้าของห้วงหาว

    ข้าพเจ้าคือท้องฟ้าหรือ? มันเล็กน้อยเกินไป

    ทะเลสาบในอ้อมอกนิรันดรภาพ

    ข้าพเจ้าคือนิรันดรภาพหรือ? มันเล็กน้อยเกินไป

    ยังอยู่ในกรอบของนาม

    ข้าพเจ้าชอบอาศัยในแดนไร้นามอันไพศาล

    พ้นจากเขตฝัน นาม มโนทัศน์

    ข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ตลอดกาล

    ในอดีตอันปัจจุบันเสมอ

    ในอนาคตอันปัจจุบันเสมอ

    ในปัจจุบัน - ปัจจุบันนิรันดร์